.::Umo_Kislira::.

Hello! Everyone **Welcome to my blog!** I hope you like it and please post comment. Thanks for all.>_<

Saturday, January 20, 2007

วันนี้มีหนังสือดีๆ ที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน
(ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2549 มาให้ชมกัน
เขียนโดยคุณงามพรรณ เวชชาชีวะ
(พี่สาวของคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) เรื่อง ความสุขของกะทิ
เรื่องนี้ได้รับการแปลแล้ว 5 ภาษา 6 สำนวนแปล
คือ อังกฤษ (ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา) ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน
และคาตาโลเนีย (แหม น่าภูมิใจ๊ ภูมิใจเนอะ! )

หน้าปกหนังสือเรื่อง ความสุขของกะทิฉบับปัจจุบัน

ความสุขของกะทิ เล่าเรื่องราวของกะทิ เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กำลังจะต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้เขียน เล่าเรื่องราวของกะทิอย่างเรียบง่าย เนรมิตบ้านริมคลองให้เป็นบ้านในฝัน ที่อบอวลด้วยบรรยากาศอันรื่นรมย์ของอดีต ฉายรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อย ของวิถีชีวิตที่สุขสงบของครอบครัวชนชั้นกลางระดับสูงให้ผู้อ่านประทับใจ

กะทิมีครอบครัวที่เอาใจใส่ ดูแลกะทิด้วยความรัก และความห่วงใยจากใจจริง เธอมีคุณตาที่เคยเป็นทนาย ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากกะทิและครอบครัวได้อยู่เสมอๆ คุณยายของกะทิเป็นคนที่เคร่งครัด และหัวโบราณ แต่ถึงกระนั้นก็สอนกะทิเรื่องต่างๆนาๆ อะทิเช่น การทำอาหาร การอยู่ในสังคม เป็นต้น พี่ทองเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจกะทิเป็นอย่างดี และเป็นคนที่มีบุญคุณต่อกะทิ เพราะว่าพี่ทองเคยช่วยชีวิตกะทิไว้ตอนกะทิเป็นเด็กเล็ก น้าฏา และน้ากันต์ซึ่งเป็นคนที่ห่วงใยกะทิ และคอยหาสิ่งดีๆให้กะทิอยู่เสมอๆ และเป็นคนที่พูดปลอบใจกะทิในยามที่กะทิเศร้าโศรกเสียใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ แม่ของกะทิ ที่ถึงแม้จะจากไปก่อนวัยอันควรแต่ก็จัดสิ่งต่างๆไว้ให้กะทิอย่างดิบดี ด้วยความรัก และเอาใจใส่จากใจ

แต่ในความสุขมีความเศร้า ในวิถีชีวิตที่สุขสงบนี้ กะทิต้องเผชิญประสบการณ์ทางอารมณ์ที่ต้องสูญเสียแม่ และในความเศร้านั้นก็มีความสุข กะทิไม่คิดจะโหยหาถึงพ่อที่อยู่ไกลโพ้นต่างแดน หากเลือกอยู่ในอ้อมกอดของตากับยาย และผ่านชีวิตอันควรจะทุกข์นั้นด้วยใจที่เข้มแข็ง

เสน่ห์ของนวนิยายขนาดสั้นเรื่องนี้อยู่ที่กลวิธีการเล่าเรื่อง ที่ค่อยๆ เผยปมปัญหาทีละน้อย ๆ อารมณ์สะเทือนใจจะค่อยๆ พัฒนาและดิ่งลึกในห้วงนึกคิดของผู้อ่าน นำพาให้ผู้อ่านอิ่มเอมกับรสแห่งความโศกอันเกษม ที่ได้สัมผัสประสบการณ์ทางอารมณ์ของชีวิตเล็กๆ ในโลกเล็กๆ ของเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งอาจไม่ไกลจากชีวิตจริงของเราเลย

ปัจจุบัน ผู้เขียนได้ตีพิมพ์หนังสือภาคต่อของ ความสุขของกะทิ ชื่อว่า ความสุขของกะทิ ตอน ตามหาพระจันทร์


หน้าปกหนังสือเรื่อง ความสุขของกะทิแบบเก่า

ในตอนเริ่มต้นนั้นหนังสือจะเล่าถึงชีวิตที่เรียบง่ายของเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งอยู่กับตายายในชนบทแบบไทยซึ่งอบอุ่น ช่วยเหลือเกื้อกูลและเป็นกันเอง ในช่วงนี้ของเรื่องนั้นน่าจะทำให้ผู้อ่านหลายๆท่านรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความสุขที่เกิดจากการอ่านได้ แต่ก็สอดแทรกด้วยอารมณ์ความคิดถึงแม่ของเด็กน้อยซึ่งได้หนีจากไปด้วยเหตุทีไม่อาจทราบได้

เมื่อถึงตอนกลางของเรื่อง ในที่สุดยายของเธอก็ตัดสินใจพาเธอไปหาแม่ จากชนบทผ่านเมืองใหญ่และในที่สุดก็ถึงบ้านไม้สีขาวหน้าต่างสีฟ้าริมทะเลหัวหิน ซึ่งความปราถนาของเด็กน้อยก็เป็นจริงเมื่อเธอได้พบกับแม่ แต่เวลาของแม่นั้นกำลังจะหมดลงแล้ว เด็กน้อยพยายามใช้เวลาที่ว่านั้นให้คุ้มค่า ซึ่งถ้าจะให้เทียบตอนนี้กับจังหวะดนตรีก็คงเป็นจังหวะที่เร็วและถี่มากต่างจากช่วงต้นและท้ายของเรื่อง

…และในที่สุดเวลาก็หมดลง เด็กน้อยที่ผู้ใหญ่เกรงว่าจะมิอาจต้านความเจ็บปวดได้ ก็กลับมีความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจ นี้อาจเป็นเพราะตัวเธอได้รับความรักที่ดีจนทำให้ยืนหยัดสู้ปัญหานี้

เมื่อถึงช่วงท้ายของเรื่อง แม่ของเธอได้ฝากให้เพื่อนทั้งสามคนช่วยนำพาเธอไปรู้จักกับชีวิตของแม่ ตั้งแต่เกิด เรียน แต่งงาน และมีลูก แม่ของเธอยังได้ทิ้งทางเลือกให้เธอตัดสินใจอย่างหนึ่ง …เป็นทางเลือกที่อาจเปลี่ยนชีวิตของเธอ ซึ่งเธอได้เลือกทางและวิธีที่แยบคายอย่างมาก เธอไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไม แต่การตัดสินใจของเธอนั้นดูเป็นการบอกพวกเราได้อย่างดีว่าความสุขนั้นอาจไม่ได้อยู่ห่างไกลอย่างที่เราคิด แต่กลับอยู่ใกล้ตัวเรา และห่างไปแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น

จักรวาลนี้กว้างใหญ่นัก มนุษย์ตัวจ้อยจะมีอำนาจอะไร เพียงแหงนมองฟ้าก็ดูจะปลดศักดาและความมุ่งหวังเกินตัวให้หมดสิ้นได้ในบัดดล เหลือเพียงหัวใจดวงเล็กๆ ในอกที่เต้นอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวและใฝ่หาความสุขตามอัตภาพ ไม่ต้องการสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องการสิ่งใดที่อยู่ไกลตัว -- งามพรรณ เวชชาชีวะ, ความสุขของกะทิ

........................................

0 Comments:

Post a Comment

<< Home