.::Umo_Kislira::.

Hello! Everyone **Welcome to my blog!** I hope you like it and please post comment. Thanks for all.>_<

Monday, April 30, 2007

ไปเที่ยวลำปางมา!!!!
( หายไปหลายวันเลย คิดถึงหนูมั้ย? )
ไปคราวนี้ได้คำศัพท์มาด้วยนะ
"ภาษาเหนือปีละ 3-4 คำ วันนี้ ขอเสนอคำว่า
เป๊ก แปลว่า บวช
จ้อง แปลว่า ร่ม
โต้ง แปลว่า ทุ่งนา
และ ตุ๊ แปลว่า พระ"
เมื่อไหร่หนูจะพูดเหนือได้ซะทีก็ไม่รู้ พอพูดแล้วสำเนียงเหมือนสุพรรณแลย แหะ แหะ ^.^
*พรุ่งนี้วันแรงงานแล้ว ขอให้ผู้ใช้แรงงานทุกคนหยุดให้สบายนะคร้า*
(อย่าลืมดูโคนันนะ!)
.
Fête du Travail
La fête du Travail (ou fête des Travailleurs) est célébrée dans de nombreux pays du monde le 1er mai, sauf en Amérique du Nord où elle est célébrée le premier lundi de septembre. C'est l'occasion d'importantes manifestations du mouvement ouvrier. Dans les pays dits « socialistes » le 1er mai est (ou était) fêté avec beaucoup d'éclat.
.
Un bouquet de muguet, offert le 1er mai.
.
Origines
En France, dès 1793, une fête du travail est fixée le 1er pluviôse (janvier), et fut instituée pendant quelques années par Fabre d'Eglantine.
Au cours de leur congrès de 1884, les syndicats américains se donnent deux ans pour imposer aux patrons une limitation de la journée de travail à huit heures. Ils choisissent de débuter leur action le 1er Mai parce que beaucoup d'entreprises américaines entament ce jour-là leur année comptable.
C'est ainsi que le 1er mai 1886, la pression syndicale permet à environ 200 000 travailleurs d'obtenir la journée de huit heures. D'autres travailleurs, dont les patrons n'ont pas accepté cette revendication, entament une grève générale. Ils sont environ 340 000 dans tout le pays.
Le 3 mai, une manifestation fait trois morts parmi les grévistes de la société McCormick Harvester, à Chicago. Le lendemain a lieu une marche de protestation et dans la soirée, tandis que la manifestation se disperse à Haymarket Square, il ne reste plus que 200 manifestants face à autant de policiers.
C'est alors qu'une bombe explose devant les forces de l'ordre. Elle fait un mort dans les rangs de la police. Sept autres policiers sont tués dans la bagarre qui s'ensuit. À la suite de cet attentat, cinq syndicalistes anarchistes sont condamnés à mort (quatre seront pendus 11 novembre 1887 (Black Friday) malgré l'inexistence de preuves, le dernier s'étant suicidé dans sa cellule). Trois autres sont condamnés à perpétuité.
Sur une stèle du cimetière de Waldheim, à Chicago, sont inscrites les dernières paroles de l'un des condamnés, August Spies : « Le jour viendra où notre silence sera plus puissant que les voix que vous étranglez aujourd'hui
.
Swedish left party May Day demonstration in Stockholm, Sweden, 2006
.
May Day meeting in Agartala, India
.
Défilé du 1er mai à Mumbai en Inde

Thursday, April 19, 2007

แวะมาบล็อกนี้แล้วรู้สึกเงียบๆ มั้ย?
เอาไปอีกเพลงละกันนะ
(เพลงนี้คนร้องเป็นผู้หญิงนะ)
.
.
เพลง : Lil Star
ร้อง : Kelis
.
คำว่า lil เป็นสแลงที่ย่อมาจากคำว่า little ดังนั้น Lil Star หมายถึง Little Star หรือ ดาวดวงเล็ก
.
There is nothing special about me
ไม่มีอะไรพิเศษในตัวฉัน
.
I am just a lil star
ฉันก็แค่ดาวดวงเล็กๆดวงหนึ่ง
.
If it seems like I'm shining brightly
ถ้าดูเหมือนฉันส่องแสงสุกใสอยู่
.
It's probably a reflection of something you already are
บางทีมันอาจเป็นเงาของบางสิ่งที่เธอเป็น
.
I forget about myself sometime
บางทีฉันก็ลืมเรื่องของฉันเอง
.
When there's so many other around
เมื่อมีคนมากมาย
.
When deep inside you feel darkest
เมื่อลึกๆแล้ว เธอรู้สึกถึงความมืดมน
.
That is where I can always be found
นั่นเป็นสถานที่ที่เธอจะพบฉันได้เสมอ
.
*Just keep trying and trying
แค่พยายามต่อไป ต่อไป
.
It's just a matter of timing
แค่เป็นเรื่องของเวลา
.
Though the grinding is tiring
ถึงแม้การทำงานหนักจะน่าเบื่อ
.
Don't let 'em stop you from smiling
แต่ก็อย่าปล่อยให้มันทำให้เธอหยุดยิ้มได้
.
Just keep trying and trying
แค่พยายามต่อไป ต่อไป
.
Sooner or later you'll find it
ไม่ช้าก็เร็วเธอจะพบว่า
.
It's surprising how inspiring
น่าประหลาดใจว่ามันให้กำลังใจ
.
It is to see you shining
ที่ได้เห็นเธอประสบความสำเร็จ
.
Cause in the dark of the night you're all I can see
เพราะว่ายามค่ำคืนอันมืดมิด สิ่งที่ฉันเห็นก็มีแต่เธอ
.
and you sure look like a star to me
และเธอดูประดุจดั่งดวงดาวสำหรับฉัน
.
**There is nothing special about me
ไม่มีอะไรพิเศษในตัวฉัน
.
I am just a lil star
ฉันก็แค่ดาวดวงเล็กๆดวงหนึ่ง
.
If you try to reach out and touch me
ถ้าเธอพยายามเอื้อมมาสัมผัสตัวฉัน
.
you'll see I'm not really that far
เธอจะเห็นว่าฉันไม่ได้อยู่เกินเอื้อมขนาดนั้นจริงๆ
.
I may not be the brightest nor am I the last one you’ll see
ฉันอาจไม่ใช่ดาวที่สุกสกาวที่สุด และฉันก็ไม่ใช่ดวงที่เธอจะได้เห็นเป็นดวงสุดท้าย
.
But as long as you notice, that’s just fine with me
แต่ตราบที่เธอมองหา นั่นก็ดีสำหรับฉันมาก
.
Everything’s just fine with me
ทุกสิ่งเป็นใจดีต่อฉันจริงๆ
.
[Repeat*]
.
There is nothing special about me
ไม่มีอะไรพิเศษในตัวฉัน
.
I am just a lil star
ฉันก็แค่ดาวดวงเล็กๆดวงหนึ่ง
.
I’ve been running and jumping, but barely
ฉันวิ่งและกระโดดมาตลอด แต่ไม่ค่อยจะ
.
Getting, getting over the bar
ก้าวพ้นอุปสรรคนั้นได้
.
I plan on being much more than I am but that's in do time
ฉันวางแผนจะเป็นมากกว่าที่ฉันเป็นมากมาย แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
.
But until then I'm guilty, and being humans my crime
จนเมื่อฉันรู้สึกผิด การเป็นมนุษย์คือความผิดร้ายแรงของฉัน
.
Being human that is my crime
การเป็นมนุษย์คือความผิดร้ายแรงของฉัน
.
[Repeat*]

Wednesday, April 18, 2007

วันนี้ขอเสนอสกู๊ปพิเศษ....
"เที่ยวสงกรานต์ที่บ้านกาญจนบุรี"
คุณศิริลักษณ์ สิทธิวงศ์ รายงานเองคร้า
.
ถ้าพร้อมแล้ว ไปเที่ยวงานวันสงกรานต์กันเต๊อะ Let's go!
.
วันแรก วันที่ 13 มีงานประจำตำบล
ภาษาชาวบ้านเค้าเรียกกันว่า งานอาบน้ำคนแก่ แต่ป้ายเขียนไว้ว่า งานวันผู้สูงอายุ
งานนี้ก็จะรวบรวมคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย มากมาย
จากหมู่บ้านทั้ง 9 หมู่ของตำบลเรา
วิธีการก็ง่ายๆ เลย แค่ให้พวกลูกๆ หลานๆ ต่อแถว
แล้วก็เอาน้ำมารดที่มือผู้สูงอายุทีละคน แล้วผู้สูงอายุก็จะให้พร
ยายของหนูก็มานะ คือว่ามีของแจกอ่ะ ก็เลยมา (ฮุ ฮุ)
.
ผู้สูงอายุเยอะจริงๆ นะเนี่ย
..
..
ในนี้มีคุณยายของหนูด้วยนะ ทายซิคนไหนเอ่ย ใบ้ให้ว่าหน้าเหมือนหนูเปี๊ยบเลย ใส่เสื้อสีขาว ผ้าถุงสีม่วง (ใบ้เยอะไปมั้ยเนี่ย)
.
.
สองตายายคู่นี้ได้รับรางวัลแต่งกายงดงาม เหมาะสมกับวัย
(ตา ยายของใครก็ไม่รู้อ่ะนะ)
.
.
คุณปู่ คุณตาสุขภาพดี มีตำแหน่งด้วยเห็นมั้ย
.
.
วงดนตรีประจำงาน เล่นมันมั่ก
ดูจากนักดนตรีแล้ว อายุเหมาะกับงานนี้จริงๆ
.
.
น้ำที่เอาไว้รดมือผู้สูงอายุ ผสมน้ำอบ หอมชื่นใจ โรยดอกไม้ด้วย
.
.
อาบน้ำ! อาบน้ำ! คุณยาย
.
.
คนนี้ยายอีกคนของหนูค่ะ
.
.
คนนี้ก็ยายของหนูอีกเหมือนกัน
.
วันที่ 14 ตอนเช้า ตื่นแต่เช้ามาทำบุญ แต่ว่าลืมเอากล้องไปเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู
ตอนกลางคืน มีงานประเพณีสงกรานต์ที่วัด
ป้าบอกว่ามีรำวงย้อนยุคด้วยเลยอยากมาดูซะหน่อย
ฝนตกด้วยแหละ หนาว!
.
บรรยากาศรอบงาน (พูดเหมือนงานจะใหญ่) ปีนี้คนค่อนข้างน้อยนะ
.
.
แม่ค้าขายพวงมาลัย พวงละ 100 บาทจ้า เอาเงินเข้าวัด
ขายไปเต้นไป สนุกน่าดูเลย
.
.
ประกวดนางสงกรานต์ ประเภทภรรยาผู้ใหญ่บ้าน
มีพวกเด็กๆ ด้วยนะ แต่ถ่ายไม่ทัน
.
.
" รำวงย้อนยุค"
ดูจากชุดก็คงรู้นะ ท่าทางจะย้อนไปนานมาก...กกกกกกก
.
.
ลูกชิ้นน่ากินจัง!!
.
.
กล้วยทอดร้อนๆ จ้า อร่อยมั่กๆ (หืม... น้ำยายไหย)
.
ถ่ายรูปได้แค่ 2 วันเอง แบตกล้องหมด แล้วไม่ได้เอาที่ชาร์ตไป
ฟังหนูเล่าเอาแล้วกันนะ
.
วันที่ 15 กลิ้งโอ่งมาเล่นน้ำหน้าบ้านป้า
รถผ่านไปมาน้อย เลยไม่ค่อยสนุก ส่วนใหญ่จะสาดกันเอง มันกว่าเยอะ
วันที่ 16 อยู่บ้านเฉยๆ ตอนเย็นมีงานอาบน้ำคนแก่อีก
แต่คนละที่กับวันแรก งานนี้คนน้อยกว่าอีก
วันที่ 17 ช่วยกันยกโอ่งขึ้นรถกระบะ ไปสาดน้ำในเมืองน่ะ
(ที่จริงหนูอยู่อำเภอเมืองนะ แต่เป็นขอบเมือง ก็เลยต้องไปสาดน้ำในเมืองไง)
ที่กาญฯ เค้าจะเล่นสาดน้ำกันวันที่ 16-17 นี่แหละ วันอื่นไม่ค่อยเล่น
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
(ถ้าอยากมาเล่นน้ำที่กาญฯ ก็มาวันนี้นะ)
เล่นน้ำ สนุกสุดๆ เลย คนเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นพวกวัยรุ่น
โดนน้ำเย็นสาดตั้งหลายรอบ หนาวมากเลยนะ
ก็รู้อ่ะนะว่าโดนน้ำเย็นมันทรมาน แต่พวกเราก็ยังซื้อน้ำแข็งมาแช่ในโอ่งไว้สาดคนอื่น
(แค้นนี้ต้องชำระ เอาให้หนาวตายไปเลย)
ขากลับ ก็นั่งรถตัวสั่นกลับบ้าน ผิวดำไปแถบหนึ่ง (เฮ้อ...น่าสงสารตัวเอง)
.
เอาเป็นว่าสงกรานต์ที่นี่สนุกจริงๆ นะ เชิญไปเที่ยวกันได้นะจ๊ะ
แล้วไว้เจอกันปีหน้า
.
ศิริลักษณ์ สิทธิวงศ์ รายงาน

Wednesday, April 11, 2007

"ณ ร้านอาหารทะเล"
เขียนโดยคุณนิ้วกลมค่ะ จาก A Day ซึ้งมากๆ เลยนะ
อ่านจบแล้วรู้สึกรักพ่อกับแม่จัง
ผลงานของคุณนิ้วกลมมีหลายเรื่องเหมือนกันนะ
เราเคยอ่านเรื่อง "โตเกียวไม่มีขา" แค่เล่มเดียว
และกำลังจะเริ่มอ่านเรื่อง "เนปาลประมาณสะดือ"
เข้าไปเยี่ยมเค้าได้ที่ http://roundfinger.wordpress.com
[ของเค้าดีจริงๆ ค่ะ]
.
ณ ร้านอาหารทะเล
.
1
.....ผมเชื่อมาตลอดว่าพ่อชอบกินหัวกุ้ง
.....แถมยังเชื่ออย่างที่พ่อชอบบอกด้วยว่า หัวกุ้งนั้นเป็นส่วนที่อร่อยที่สุด รวมไปถึงหัวปลา, เนื้อส่วนท้องของปู, เนื้อขาวๆ ของหมูหัน
.....ทั้งที่เมื่อผมได้ลองชิมดูแล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะอร่อยตรงไหน
.....แต่เอาเถอะ พ่อคงชอบ ไอ้ครั้นเราจะไปแย่งพ่อกิน ก็เห็นจะไม่เหมาะ
.....ทุกครั้งที่ครอบครัวของเราเดินเข้าไปรับประทานอาหารในร้านอาหารทะเล จานของพ่อจึงมักจะเป็นจานที่เต็มไปด้วย 'เปลือก' และ 'ซาก' ของส่วนต่างๆ ที่พ่อชอบ
.....ส่วนต่างๆ ที่พ่อบอกผมว่า 'อร่อย'
.....แต่จานของลูกๆ มักเรียบร้อยแทบไม่มีเศษอาหาร จะมีก็แค่เศษหางกุ้งแค่ไม่กี่ชิ้น หลังจากเราได้ปล่อยร่างของมันให้ลงไปแหวะว่ายในช่องท้องเป็นที่เรียบร้อย
.....หากมีการแข่งขัน 'นักแทะ' ประจำจังหวัด ผมอยากส่งชื่อพ่อเข้าร่วมประชันด้วยคน เพราะพ่อเป็น 'นักแทะ' มือหนึ่งประจำบ้าน ไม่ใช่แค่เฉพาะส่วนอร่อยต่างๆ ของอาหารทะเลที่พ่อชอบเท่านั้น แต่พ่อยังมักจะหยิบประดูกหมู กระดูกไก่ที่ลูกๆ กินทิ้งกินขว้างเข้าปาก พร้อมทั้งบอกว่า "เด็กโง่ ตรงนี้แหละอร่อย"
.....แล้วก็ปล่อยให้พวกเราตักชิ้นเนื้อกินกันอย่างสบายใจ
.
2
.....เช่นกันกับพ่อ, แม่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ฝึกนิสัยไม่รู้จักแทะ ไม่รู้จักแกะเปลือกให้กับผม สมัยเด็กๆ แม่มักจะเลาะเนื้อปลาแบบไร้กระดูกแล้วตักมาใส่ไว้ในจานของผมเป็นประจำ นอกจากนั้น แม่ยังตรวจตราเศษก้างราวกับว่ามันเป็นเข็มพิษที่จะมาทิ่มแทงคอลูกชายให้บวมเป่งอย่างไรอย่างนั้น
.....เนื้อปลาขาวๆ หนาๆ นุ่มๆ แบบไร้กระดูก มักจะถูกวางไว้ในจานของลูกๆ เสมอ
.....และใช่-จานของพ่อกับแม่ก็เต็มไปด้วยเศษก้าง หากนำมาวางเรียงกันน่าจะครบทั้งตัว
.
.....ผลไม้โปรดของผมคือ เงาะ
.....แต่ต้องเป็นเงาะที่ถูกฝานเนื้อออกจากเม็ดแข็งๆ แล้วเท่านั้น หากผมกินเงาะเอง จะรู้สึกรำคาญเปลือกแข็งๆ ที่ติดตามเนื้อเงาะนิ่มๆ ขึ้นมาเอามากๆ ถึงขนาดเคยเงยหน้าถามพระเจ้าว่าจะสร้างเม็ดที่เปลือกลอกร่อนติดเนื้อขึ้นมาทำไม?
.....แต่ส่วนใหญ่ผมก็มักจะได้กินเนื้อเงาะล้วนๆ -ฝีมือคุณแม่ที่แสนดี
.....แม่ใช้เวลาปอกเปลือกและเฉือนเงาะหลายลูกเป็นเวลานาน ขณะที่ผมจัดการมันเรียบร้อยภายในเวลาแค่แป๊บเดียว
.
3
.....ทุกครั้งที่กินก๋วยเตี๋ยว ทุกคนในบ้านจะพากันตักลูกชิ้นกุ้งใส่ชามของผม แม่บอกว่า แม่ไม่ชอบกิน แม่ชอบลูกชิ้นปลามากกว่า พ่อก็มักจะบอกว่าร้านนี้ให้เครื่องเยอะเกินไป กินไม่หมด
.....ผมก็คงปักใจเชื่อแบบนั้น หากเมื่อไม่นานมานี้ ผมไม่เห็นแม่สั่งก๋วยเตี๋ยวพิเศษเพิ่มลูกชิ้นกุ้งตั้งสองห่อ แน่นอน-หนึ่งห่อเป็นของผม แต่อีกห่อจะเป็นของใคร ถ้าไม่ใช่ของแม่
.....อืม ผมอาจจะโตเกินกว่าที่จะเชื่อคำโกหกอะไรแบบนั้นแล้วก็ได้
.....ผมเริ่มรู้แล้วว่า ที่จริงหัวกุ้งไม่ใช่ส่วนที่อร่อยที่สุด แต่เป็นส่วนที่แกะยากกินยากที่สุดต่างหาก
.....หัวปลาและเนื้อส่วนท้องของปูก็ด้วย
.....หมูกันน่ะเหรอ?
.....ส่วนที่อร่อยที่สุดก็คือหนังกรอบๆ ไม่ใช่เนื้อขาวๆ ที่เอาไว้เลาะกินเล่นก่อนจะนำไปทอดกระเทียมพริกไทย
.....กระดูกไก่ กระดูกหมู ก็ไม่ใช่ว่าจะอร่อย กินยากจะตายไป
.....แต่ทำไมพ่อถึงชอบกิน?
.....พ่อคงอยากให้เราใช้ช้อนตักเนื้อชิ้นๆ เข้าปากและเคี้ยวง่ายๆ มากกว่าจะต้องใช้มือมาหยิบให้เปือน ต้องอ้าปากกว้างๆ ต้องเอาฟันแทะกระดูกแข็งๆ ต้องเปื้อนปากมันๆ
.....และสิ่งเหล่านั้นนั่นเองที่อาจทำให้พ่อกินอะไรพวกนั้น 'อร่อย' ขึ้นจริงๆ
.....'อร่อย' ตรงที่ได้กินส่วนที่กินยาก และใก้ลูกๆ ได้กินส่วนที่กินง่าย
.....'อร่อย' ตรงที่ได้เห็นลูกๆ 'อร่อย'
.
4
.....เคยได้ยินเรื่องเล่าของชายชรากับหญิงชราคู่หนึ่งมั้ยครับ?
.....คุณปู่กับคุณย่าคู่นี้อยู่กินกันมานานนมจนกระทั่งถึงอายุเจ็ดสิบปี สิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่ต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันทุกเช้า คือการตื่นขึ้นมากินกาแฟแกล้มขนมปังกะโหลก
.....ฝ่ายคุณปู่จะบิขนมปังส่วน 'กะโหลก' ส่งให้กับคุณย่าเสมอ ฝ่ายคุณย่าก็รับไปโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
.....เป็นอยู่อย่างนั้นมาตั้งแต่เริ่มคบกัน จนกระทั่งถึงปัจจุบัน
.....เป็นอย่างนั้นมาเป็นเวลาเกือบห้าสิบปี
.....กระทั่งวันหนึ่ง คุณย่าหมดความอดทน ถึงตัดสินใจตัดพ้อกับคุณปู่ว่า
....."นี่คุณจะให้ฉันกินขนมปังส่วนกะโหลกไปอีกนานแค่ไหน ฉันต้องทนกินมันมาตั้งเกือบห้าสิบปีแล้วนะ คุณไม่รู้เหรอว่า นั่นเป็นส่วนที่ฉันเกลียดที่สุด"
.....คุณปู่ฟังแล้วทำหน้าเศร้า ก่อนที่จะตอบคุณย่าว่า
....."ขอโทษ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอไม่ชอบ เพราะนั่นเป็นส่วนที่ฉันชอบที่สุดเลยนะ"
.
5
.....ไม่กี่วันมานี้ ครอบครัวของเราไปกินอาหารทะเลริมหาดที่ร้านแห่งหนึ่ง
.....ผมสังเกตเห็นว่า คุณสมบัติ 'นักแทะ' ของพ่อเริ่มถดถอยลง พ่อแทะหัวกุ้ง หัวปลา และกระดูกปลา ช้าลงกว่าแต่ก่อนมาก
.....ผมและพี่สาวจึงเริ่มเป็นฝ่ายตักชิ้นปลาหนาๆ นุ่มๆ ใส่จานพ่อและแม่บ้าง
.
.....ผมคิดว่าอีกไม่นาน เราทั้งคู่ก็ต้องเข้าสู่อีกช่วงวัยหนึ่งของชีวิต
.....และอาจจะต้องเริ่มต้นฝึกปรือฝีมือการเป็น 'นักแทะ' เพื่อรอต้อนรับเด็กตัวน้อยๆ ที่กำลับจะมาร่วมโต๊ะอาหารกับเรา
.....ผมเริ่มแย่งหัวกุ้ง หัวปลา จากมือพ่อ
.....ไม่ได้หรอก พ่อแย่งผม 'อร่อย' มามากพอแล้ว
.....ได้เลาที่ผมจะได้ 'อร่อย' กับส่วนนั้นๆ ของอาหารบ้างล่ะ
.....ระหว่างที่พ่อตักเนื้อปลาขาวๆ หนาๆ นั้นเข้าปาก ผมกำลังแทะเนื้อปลาจากก้างกลางลำตัว
.....และผมก็เพิ่มรู้วันนั้นเองว่า พ่อไม่ได้โกหก
.....กระดูกปลา 'อร่อย' แบบนี้นี่เอง

Tuesday, April 10, 2007

ไปเที่ยวทะเลมาคร้า!!!
.
.
ทะเลที่เป็นที่นิยมสำหรับครอบครัวเรามากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น "ชะอำ"
ตอนนี้ไม่ค่อยสวยเหมือนเมื่อก่อนเลยเนอะ

คนเยอะมากเลยนะ ไปกันทั้งหมด 15 คน รถกระบะคันเดียว พวกหนุ่มๆ สาวๆ อย่างเราเลยต้องนั่งกระบะท้ายตามเคย ออกเดินทางตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง (ยังไม่สว่างเลย) ตอนเช้าอากาศดี ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ ถึงประมาณ 9 โมง เปลี่ยนชุดลงเล่นน้ำทันที แล้วก็ตามด้วยบานาน่าโบ๊ท (ใครกดหัวหนูจมน้ำก็ไม่รู้) ตกน้ำ 2 ทีค่ะ สนุกดีเหมือนกัน พอเหนื่อยก็ขึ้นมากินๆๆ แล้วก็ไม่ได้ลงไปเล่นอีก ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนเลย(TT_TT)
.
รูปนี้ถ่ายตอนอาบน้ำเสร็จแล้ว หัวฟูไปหน่อย ไม่ค่อยมีรูปตัวเองเท่าไหร่ (เขินอ่ะ >.<)
.



ช่วงนั่งรอก็สร้างปราสาททราย (อันนี้ใครสร้างก็ไม่รู้) แล้วก็เขียนทรายเล่น

ชื่อหัว blog อันใหม่ Umo_Jesse (อ่านว่า ยูโม่ เจส) และรองเท้าเปื้อนทรายของหนู

ตอนบ่ายๆ ก็เดินทางกลับบ้าน ขากลับร้อนสุดๆ ดำขึ้นประมาณ 20% จากเดิม สนุกหล้าย หลาย คราวหน้าขอไปที่อื่นบ้างนะ...

Monday, April 09, 2007

7- Eleven in China


Wednesday, April 04, 2007

เรื่องนี้ฮาดี!!
เหมาะกับนักเรียนอย่างพวกเราอย่างยิ่ง
จาก นิตยสาร A Day ฉบับที่ 79
.
หลังจากที่ขออนุญาตและให้เหตุผลต่างๆ นานาแล้ว แต่พ่อแม่ยังคงยืนกรานไม่ยอมอนุญาตให้ไปเที่ยว ต่อรองอย่างไรก็ไม่ยอม ถึงเวลาแล้วที่จะลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดู
.
1. ผู้ใหญ่มักจะเอาหน้าที่ของเรามาอ้างเพื่อฉุดรั้งไม่ให้เราไปเที่ยว ดังนั้นข้อแรก เราควรเคลียร์ธุระตัวเองให้แน่ใจว่าหมดห่วง (ว่าแม่จะเอามาอ้าง) เสียก่อน จากนั้นก็ตรงเข้าไปขออนุญาต พูดเป็นชุดโดยอย่าให้พ่อหรือแม่ตั้งตัวได้....ดังนี้
.
"แม่"
"ผมจะไปเที่ยว"
"ไปกับไอ้กอล์ฟ (ชื่อเพื่อนที่นิยมใช้อ้างมาตลอด)"
"น้ามันไปด้วย"
"เป็นทหาร"
"จองตั๋วแล้ว"
"จ่ายตังค์แล้ว"
"เก็บกระเป๋าแล้ว"
"เก็บที่นอนแล้ว"
"ซักถุงเท้าแล้ว"
"ให้อาหารปลาแล้ว"
"รดน้ำต้นไม้แล้ว"
"ปิดเทอมแล้ว"
"โรงเรียนกวดวิชาหยุด"
"โทรยกเลิกครูสอนเปียโนแล้ว"
"กลับวันจันทร์"
"เพื่อนมารอแล้ว"
"ผมโตแล้ว"
"แม่ไม่ต้องห่วง"
"ผมรักแม่"
"ขอตังค์...."
.
แม่จะอึ้ง....พูดอะไรไม่ออก...พยายามนึก แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะอ้างอะไรดี และสุดท้ายก็จะพูดออกมาว่า "เอาเท่าไหร่..."
.
2. มาถึงขั้นตอนนี้ ต้องยอมกัดฟันเป็นลูกเลว ปากคอเราะร้ายดูบ้าง เผื่อว่าจะได้ผล
.
เรา : พ่อครับ...ถ้าพ่ออนุญาตให้ผมไปเที่ยว...ผมจะยกโทษให้พ่อทั้งหมด
พ่อ : ยกโทษอะไรลูก
เรา : 10 ปีก่อน พ่อเคยสัญญาว่าจะซื้อชุดเกราะครบเซตของเซนต์เซย่าให้ผม ตอนนี้ยังไม่ได้
.........7 ปีก่อน พ่อมารับที่โรงเรียนช้า ทำให้ผมพลาดดราก้อนบอลตอนจบ
.........5 ปีก่อน พ่อเตอะปลั๊กทีวีดับ ตอนมาริโอของผมถึงด่านสุดท้าย
.........4 ปีก่อน พ่อนั่งทับหนังสือการ์ตูนของผมยับ
.........3 ปีก่อน พ่อถอยรถทับรถบังคับคันใหม่ที่คุณยายซื้อให้
.........ปีที่แล้ว พ่อแอบอ่านไดอารี่ของผม
.........เมื่อวาน พ่อเตะหมาของผม
.........ผมขอไปเที่ยวนะพ่อ
.
ผลลัพธ์มี 2 ทางคือ พ่ออนุญาต หรือ พ่อจะเริ่มไล่ทวงหนี้บุญคุณให้ฟังบ้าง คราวนี้ล่ะเรื่องยาว
.
3. มุขสุดท้าย สำหรับลูกสาวคุณหนูที่ไม่แสนห่วง ไม่มีอะไรแทงใจแม่เท่ากับการที่ลูกตนเองดูน่าสมเพช แกล้งเอ๋อไปเลย เดินเอาหัวเข่าชนกัน มือหงิกงอ ข้างหนึ่งจิกหัวตัวเอง อีกข้างเอาเข้าไปในปากอมไว้ ตาทั้งสองมองตรงไปที่ปลายจมูก แล้วตรงเข้าไปหาแม่
.
"แม่อ๊ะ อู๋รู้ฉึกแปลกๆ ฉงฉายจาเรียนหนัก รู้ฉีก ปะ ปวดอั๋ว มากๆ เอย อยากฉูดอากาศ ตัมมะชาด อยากดูต้นมะ ม้าย อยากปั๊กป่อน.... จ๊วบจ๊วบ (ดูดนิ้วตัวเองไปด้วย) แม่ให้อู๋ไปเชียวกะเพื่อนๆ นะอ๊ะ อู๋อยากปายเชี่ยว อู๋อยากไปเชี่ยว...(พูดซ้ำประโยคหลังไปเรื่องๆ และลงไปดิ้นกับพื้น คล้ายสุนัขคันหลัง)"
.
แม่จะเริ่มรู้สึกป่วยการที่จะต้านทานไว้ น้ำตาแม่จะไหลรินออกมา เหมือนเป็นความผิดของตัวเอง เริ่มคิดได้ว่าน่าจะปล่อยให้ธรรมชาติเป็นผู้บำบัด และปล่อยให้ลูกเราตายตามธรรมชาติไปเสีย
.
แต่ทางที่ดีเราแนะนำว่า ถ้าไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ อย่านำวิธีการเหล่านี้มาใช้ จะเป็นการดีกว่า ขอดีๆ พูดดีๆ ถ้าพ่อแม่ไม่ให้ ถ้าเขาเป็นห่วงก็ชวนไปด้วยกันเลย น่าจะเป็นทางออกที่ดีและเป็นการกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวไปอีกแบบเหมือนกัน ไม่แน่ กลับมาจากไปเที่ยวคราวนี้ อากาศในบ้านอาจจะอบอ่นขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้
.
..................The End.....................

Monday, April 02, 2007

ว๊ากกกกกก! ลืมไปเลยอ่ะ
อุตส่าห์จดไว้แล้วเชียวว่าจะโพสเรื่องนี้ในวันที่ 1 เมษา
แต่ไม่เป็นไรขอย้อนหลังแล้วกันนะ
ก็วันที่ 1 เมษายนของทุกปีเป็นวันแห่งการโกหกไง
(พวกฝรั่งเค้าจะเล่นกันน่ะ)
ภาษาอังกฤษเรียกว่า April Fool's Day ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Poisson d'Avril
ใครจะโกหกเรื่องอะไรก็ได้ในวันนี้
ตัวอย่างเช่น (สมมุติว่าวันนี้เป็นวันที่ 1 )
อืมๆ ข้อแรกเราไม่สวย! เราไม่หน้าตาดี! เราเรียนไม่เก่ง!
และเราซกมก! (เค้าโกหกนะ >.<) ฮุ ฮุ
.
April Fools' Day: Origin and History
.
April Fools' Day, sometimes called All Fools' Day, is one of the most light hearted days of the year. Its origins are uncertain. Some see it as a celebration related to the turn of the seasons, while others believe it stems from the adoption of a new calendar.

New Year's Day Moves
Ancient cultures, including those as varied as the Romans and the Hindus, celebrated New Year's Day on or around April 1. It closely follows the vernal equinox (March 20th or March 21st.) In medieval times, much of Europe celebrated March 25, the Feast of Annunciation, as the beginning of the new year.
In 1582, Pope Gregory XIII ordered a new calendar (the Gregorian Calendar) to replace the old Julian Calendar. The new calendar called for New Year's Day to be celebrated Jan. 1. That year, France adopted the reformed calendar and shifted New Year's day to Jan. 1. According to a popular explanation, many people either refused to accept the new date, or did not learn about it, and continued to celebrate New Year's Day on April 1. Other people began to make fun of these traditionalists, sending them on "fool's errands" or trying to trick them into believing something false. Eventually, the practice spread throughout Europe.


Problems With This Explanation
There are at least two difficulties with this explanation. The first is that it doesn't fully account for the spread of April Fools' Day to other European countries. The Gregorian calendar was not adopted by England until 1752, for example, but April Fools' Day was already well established there by that point. The second is that we have no direct historical evidence for this explanation, only conjecture, and that conjecture appears to have been made more recently.

Constantine and Kugel
Another explanation of the origins of April Fools' Day was provided by Joseph Boskin, a professor of history at Boston University. He explained that the practice began during the reign of Constantine, when a group of court jesters and fools told the Roman emperor that they could do a better job of running the empire. Constantine, amused, allowed a jester named Kugel to be king for one day. Kugel passed an edict calling for absurdity on that day, and the custom became an annual event.
"In a way," explained Prof. Boskin, "it was a very serious day. In those times fools were really wise men. It was the role of jesters to put things in perspective with humor."
This explanation was brought to the public's attention in an Associated Press article printed by many newspapers in 1983. There was only one catch: Boskin made the whole thing up. It took a couple of weeks for the AP to realize that they'd been victims of an April Fools' joke themselves.


Spring Fever
It is worth noting that many different cultures have had days of foolishness around the start of April, give or take a couple of weeks. The Romans had a festival named Hilaria on March 25, rejoicing in the resurrection of Attis. The Hindu calendar has Holi, and the Jewish calendar has Purim. Perhaps there's something about the time of year, with its turn from winter to spring, that lends itself to lighthearted celebrations.


Observances Around the World
April Fools' Day is observed throughout the Western world. Practices include sending someone on a "fool's errand," looking for things that don't exist; playing pranks; and trying to get people to believe ridiculous things.
The French call April 1 Poisson d'Avril, or "April Fish." French children sometimes tape a picture of a fish on the back of their schoolmates, crying "Poisson d'Avril" when the prank is discovered.