.::Umo_Kislira::.

Hello! Everyone **Welcome to my blog!** I hope you like it and please post comment. Thanks for all.>_<

Monday, May 28, 2007

คนนี้สวยดีเนอะ!!
ปีนี้ Jessica จะอายุ 27 แล้ว
.
.
คนข้างล่างนี้น้องสาว ชื่อ Ashlee Simpson
.
.
.
เพลง : A Public Affair
ร้อง : Jessica Simpson
.
There go the street lights - the night's officially on,
เดินไปตามถนนแห่งแสงสี
.
I got the green light - to do what ever we want,
ฉันได้ไฟเขียวที่จะทำอะไรก็ได้
.
Gonna stand - outside - the box - and put the rules on hold,
จะยืนอยู่อย่างนี้ ข้างนอก ในกล่อง และไม่คำนึงถึงกฏเกณฑ์ใดๆ
.
Tonight Carte blanche, first class for the evening
คืนนี้มีบาร์ชั้นเลิศจัดไว้
.
Ready, set, go
เตรียม ระวัง ไป
.
*All the girls stepping out for a public affair
หญิงสาวทั้งหลายก้าวออกมาสู่หนทางที่เป็นเป้าสายตา
.
(All night, that's right 'cause the party don't stop)
ทั้งคืน ใช่เลย เพราะปาร์ตี้ไม่มีวันหยุด
.
All the cameras come out for a public affair
กล้องทุกตัวต่างออกมาจับตามอง
.
(Who cares, let's rock, 'cause the party don't stop)
ใครสน มาเต้นกัน เพราะปาร์ตี้ไม่มีวันหยุด
.
Hey Baby, I see you looking over here baby
ที่รัก เห็นนะว่ามองอยู่
.
Are you gonna keep looking - or get up?
จะมัวแต่มอง หรือจะลุกขึ้น
.
And talk to me
และมาคุยกับฉัน
.
Here's an opportunity that you don't wanna miss
นี่เป็นโอกาสที่เธอจะพลาดไม่ได้
.
Tonight...got plans first class for the evening
คืนนี้ มีแผนเลิศหรูตระเตรียมไว้
.
Ready. Set. Go.
เตรียม ระวัง ไป
[repeat*]
.
Do what you wanna do, tonight the world does not exist
ทำในสิ่งที่เธออยากทำ คืนนี้โลกไม่มีตัวตน
.
No, no, no, no
.
Move how you wanna move, all my girls work it out - like this
เต้นถ้าเธออยากเต้น สาวน้อยคิดให้ได้อย่างนี้สิ
.
Give me room to shake, shake, shake
[repeat*,*]
.
All night don't stop,[giggle],
ทั้งคืนไม่มีวันหยุด
.
Who cares, let's rock? Who cares, let's rock?
.
All night don't stop (don't stop, don't stop)
.
Who cares, let's rock
.
Ohhh Ohhh OhhhHey Baby
Ahhh ohh ohh ohh
Ahhh ohh ohh
[repeat*]

Friday, May 25, 2007

มาอีกแล้ว บทความจากหนังสือ A Day
เรื่องนี้เหมือนจะตลก แต่ก็น่าคิดดีเหมือนกัน
.
โกหก
.
มนุษย์ต่างดาว : ผมเป็นนักเรียนจากดาว dv๖๖๖ ผมถูกส่งตัวมาดัดสันดานที่โลกมนุษย์ในช่วงปิดภาคเรียน โดยต้องเขียนรายงานวิชาดาวเคราะห์ศึกษาในหัวข้อ "โลกน่ารู้" ความหนา 996 หน้า ไปส่งตอนเปิดเทอมด้วย ผมมีคำถามคาใจอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ วันนี้ผมจึงลองออกมาสอบถามหาข้อมูลดู
.......................................................
.
มนุษย์ต่างดาว : คุณครับ มนุษย์นี่จำเป็นต้องโกหกไหมครับ?
ชายคนหนึ่ง.....: จำเป็นสิ! มนุษย์จำเป็นต้องโกหก ขอยืนยัน!
.......................ถ้าวันหนึ่ง มนุษย์ทุกคนตื่นขึ้นมาแล้วไม่สามารถโกหกได้ โลกใบนี้คงเต็มไปด้วยตลกร้ายของความจริงแน่ๆ ยกตัวอย่างเช่น ตำรวจอาจบอกเราว่า ไม่เคยจับอะไรเลยนอกจากแพะ, เสื้อผ้าแบรนด์เนมไฮโซ แท้จริงแล้วสามารถขายได้ในราคายี่สิบบาท, โก๊ะตี๋ อาจเผยความจริงว่าอายุสี่สิบปีมาตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ, และภาพของซัดดัมที่ถูกจับมาได้นั้น จริงๆ แล้ว อาจถูกทำขึ้นด้วย CG โดยฝีมือสปีลเบิร์ก หรือบางที ...แฟนคุณอาจจะลุกขึ้นมาสารภาพว่า เคยผ่านผู้ชายมาแล้วกว่าสองร้อยคนก็ได้
.......................คิดแล้วขำดีนะ แต่ความจริงบางอย่าง รู้แล้วอาจจะอยากฆ่าตัวตายหรือฆ่าใครสักคนก็ได้ ดังนั้น ในความเป็นจริงก็คือ มนุษย์จำเป็นต้องโกหก!!
มนุษย์ต่างดาว : อา.....รู้สึกเหมือนได้ฟังความจริงของโลกเลย ยอดจริงๆ
.......................แล้วอะไรคือเรื่องที่มนุษย์ชอบโกหกที่สุดเหรอครับ?
ชายคนหนึ่ง.....: โกหกว่าพูดความจริงไงล่ะ

Thursday, May 24, 2007

Translate it
คอลัมน์จากหนังสือพิมพ์บางกอกโพส
ฉบับวันอังคารที่ผ่านมา
.
A close look at the plant that gave off a smell
similar to rotting flesh in a village in Trat's Muang district.
— Jakkrit Waekaryhong
พบต้นไม้กลิ่นเหมือนเนื้อเน่าที่หมู่บ้านในอำเภอเมืองจังหวัดตราด
.
Unusual plant raises a stink in Trat
ต้นไม้ประหลาดส่งกลิ่นหึ่งในหมู่บ้านที่ตราด
.
1. Trat - This is a closer look at the plant that gave off a smell similar to rotting flesh in a village in Trat's Muang district.
ตราด - พบต้นไม้กลิ่นเหมือนเนื้อเน่าที่หมู่บ้านในอำเภอเมืองจังหวัดตราด
.
2. An unusual plant raised a stink in a village here when it bloomed, giving off an awful odor similar to rotting flesh. The plant, which could not be identified by locals, was found in the garden of a house belonging to Srinual Sai-oy in Trat's Muang district.
ต้นไม้ประหลาดต้นหนึ่ง ออกดอกบานส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทั้งหมู่บ้านกลิ่นหึ่งเหมือนเนื้อเน่า ต้นไม้ที่ชาวบ้านไม่รู้จักนี้ พบขึ้นอยู่ในสวนที่บ้านของนางศรีนวล สายอ้อยในอำเภอเมืองจังหวัดตราด
.
3. Reports said the variegated flower, measuring about 45cm in diameter, had since wilted, though its foul smell lingered and it was attracting flies.
มีรายงานว่าดอกไม้ดังกล่าวมีหลายสีในดอกเดียว มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 45 ซมแม้ตอนนี้จะเฉาแล้ว ก็ยังเหม็นอยู่ดึงดูดแมลงวันมาตอม
.
4. The plant has a bud which remains dormant and it is expected to develop into a flower soon.
ต้นไม้นี้มีตุ่มดอกอยู่ตุ่มหนึ่งคาดว่าจะแตกเป็นดอกในไม่ช้า
.
5. Mrs Srinual said she became aware of the plant on Saturday night when she caught a whiff of a dreadful smell around her home.
นางศรีนวลกล่าวว่า ทราบว่ามีต้นไม้ประหลาดนี้เมื่อคืนวันเสาร์เพราะได้กลิ่นเหม็นแรงโชยมาจากบริเวณรอบๆ บ้าน
.
6. When she saw the plant, its multi-colored flower was in full bloom.
เมื่อไปพบเข้า ดอกที่มีหลากสีกำลังบานเต็มที่
.
คำอธิบาย
ย่อหน้าที่ 1
คำศัพท์ที่น่าสนใจกันนะครับ
a close look at (phr.) พินิจ...ฯลฯ แต่ผมเลือกแปลว่า "พบ..."
Smell (n.) กลิ่น อาจจะหอมหรือเหม็นก็ได้
To give off an odour or a smell... ส่งกลิ่น
ส่วนวลี rotting flesh (เนื้อที่กำลังเน่า) หรือ rotten flesh (เนื้อที่เน่าแล้ว) สรุปว่ากลิ่นเนื้อเน่า
Muang ที่จริงหลักของราชบัณฑิตยสถานกำหนดใหม่แล้วให้ถอดเสียง "เอือ" ว่า -uea จึงน่าสะกดว่า Mueang ส่วน Muang จะตรงกับ ม่วง
.
ย่อหน้าที่ 2 มาดูคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ"ส่งกลิ่น"กันนะครับ
To raise a stink ใช้เหมือนกับ to stink หรือ to reek หมายถึง ส่งกลิ่นเหม็น
คำว่า stink (n.) แปลว่า foul smell - กลิ่นเหม็น ถ้าเป็นคำกริยาแปลว่า มีกลิ่นเหม็น ส่งกลิ่นเหม็น ใช้เป็นสำนวนภาษาปากหมายความว่า น่ารังเกียจ แย่มาก เช่น This job stinks ! งานนี้ห่วยแตก และสำนวน stink of หมายถึง ส่อ (ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล) Wirat's action stinks of dishonesty หรือ Wirat's action reeks of dishonesty. - การกระทำของวิรัชส่อว่าไม่ซื่อ
คำคุณศัพท์ stinking แปลว่า ที่มีกลิ่นเหม็น ที่น่ารังเกียจ ยังมักใช้เป็นคำวิเศษณ์ในสำนวนภาษาปากหมายถึง "อย่างยิ่ง" เช่น Bill Gates is stinking rich. - นายบิล เกตส์รวยอื้อซ่า รวยเหลือรับประทาน
คำว่า odour (n.) กลิ่นอันจำเพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น body odour กลิ่นกาย เป็นต้นเป็นคำกลางๆ อาจหอมหรือเหม็นก็ได้ ถ้าหมายถึงกลิ่นเหม็นก็ขยายความด้วยคำคุณศัพท์ เช่น awful odour, foul odour, dreadful odour
"An unusual plant raised a stink in a village here when it bloomed, giving off an awful odour like rotting flesh." หากแปลตามพยัญชนะจะเป็นภาษาไทยที่เยิ่นเย้อ แต่ภาษาไทยเป็นภาษาพึ่งบริบท มีขนบต่างจากภาษาอังกฤษ เพียงพูดว่า ส่งกลิ่นหึ่งไปทั่วหมู่บ้าน ก็พอแล้ว อ่านไปจนจบความก็จะรู้บริบทว่าหมายถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง
ภาษาไทยไม่นิยมระบุพจน์ นอกจากมีความหมายสำคัญ เช่นในกรณีนี้เน้นว่ามีเพียงต้นเดียว ในขณะที่ภาษาอังกฤษถือว่าการระบุพจน์เป็นกฎปกติของภาษา อย่างไรก็ดี หากเราต้องแปลประโยคนี้เพื่อการทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษ ก็พึงระบุพจน์ให้ครูทราบว่า เรารู้ว่าคำนั้นเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ครับ
"ส่งกลิ่นเหม็น...เมื่อดอกบาน" วิธีบอกเนื้อความนี้แบบไทยๆ ก็คือ "ดอกบานส่งกลิ่นเหม็น" ระบุว่ากลิ่นมาจากดอกที่บาน
.
ย่อหน้าที่ 3
variegated ใช้เรียกต้นไม้ที่มีดอกด่างหรือใบด่าง (mottled) คือมีหลายสีเป็นดวงๆ หรือเป็นปื้นๆแต่ในบทความนี้หมายถึงมีหลายสีในดอกเดียวหรือ a multicoloured flower ความที่ภาษาไทยไม่นิยมระบุพจน์คำนาม ดังนั้นหากแปลว่า "ดอกไม้นี้มีหลายสี" อาจทำให้นึกว่า ดอกไม้ (ชนิด) นี้ (หลายดอก) แต่ละดอกมีสีต่างๆ กัน ซึ่งผิดความหมาย
.
ย่อหน้าที่ 4
bud (n.) ตา คือส่วน รอยหรือตุ่มของต้นไม้ตรงที่ กิ่ง ดอก ใบ แตกออกมา
dormant (adj) หลับพักตัว ในที่นี้หมายความว่ายังตูมอยู่ แต่คำว่า "ตุ่มดอก" ก็บอกอยู่แล้วว่ายังตูม จึงไม่จำเป็นต้องแปลข้อความว่า "which remains dormant" และต้องเติม "ตุ่มหนึ่ง" เพื่อให้ทราบว่าไม่ได้มีหลายตุ่มดอก
.
ย่อหน้าที่ 5 ถึงตรงนี้ ตัวบทภาษาอังกฤษทำให้ทราบว่าคุณศรีนวลแต่งงานแล้ว ผู้แปลจึงสามารถแปลตั้งแต่ประโยคที่สองข้างต้นบทความได้ว่า นางศรีนวล
ในบทแปลตรงนี้เติมคำว่า "ประหลาด" ลงไปด้วย แต่จะไม่เติมก็ได้ครับเพื่อให้ตรงต้นฉบับ
A whiff (n.) กลิ่นที่โชยมาวูบหนึ่ง
.
ย่อหน้าที่ 6 ประโยคนี้ไม่จำเป็นต้องขึ้นย่อหน้าใหม่ และไม่ต้องบอกว่า "ใคร" ไปพบ "อะไร ในวลี "เมื่อไปพบเข้า" เพราะรู้ได้จากบริบทอยู่แล้ว แต่ถ้าขึ้นย่อหน้าใหม่ ซึ่งหมายถึงการเริ่มหัวข้อใหม่ ก็อาจจะต้องแปลว่า"เมื่อนางศรีนวลไปพบต้นไม้นี้เข้า" เพื่อป้องกันความสับสน

Wednesday, May 23, 2007

Roman de la Rose
.
La ronde au dieu d'amourManuscrit du Roman de la Rose
..

Le Roman de la Rose est une œuvre poétique de 22 000 vers octosyllabiques sous la forme d’un rêve allégorique. Il a été écrit en deux temps: Guillaume de Lorris écrivit la première partie (4058 vers) en 1237, puis l’ouvrage fut complété par Jean de Meung (18000 vers) entre 1275 et 1280. Une traduction en vers et en français contemporain en a été effectuée par Bordas. Celle-ci est introuvable aujourd’hui, mais on peut en lire un extrait dans l’Anthologie de la poésie française de Pierre Seghers. Une version est disponible sur le site du Projet Gutenberg[1]. Le texte d’époque, quant à lui, est à peu près illisible aujourd’hui par un non spécialiste, hormis quelques mots identifiables de ci, de là.
La première partie conte la cour d’un homme à son aimée et ses tentatives de pénétrer dans un jardin clôturé symbolisant la belle. La seconde présente une discussion plus philosophique de l’amour ainsi que des digressions sur des sujets variés tournant parfois en ridicule certaines idées et sentiments exprimés par Guillaume de Lorris.

Sunday, May 20, 2007

คุณจะพูดอะไรเป็นคำแรกเมื่อตำรวจเรียกให้หยุด?
(ขออภัยถ้ามีภาษาไม่สุภาพ)
จากนิตยสาร A Day เจ้าเก่า
.
1. ซวยแล้วเรา
2. ผมผิดอะไรครับ
3. มีอะไรเหรอ...?
4. สวัสดีครับ
5. รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร...?
6. ผมต้องรีบไปซื้อก๋วยเตี๋ยวให้ท่านผู้กอง
7. รู้มั้ย พ่อผมเป็นใคร?
8. อ้าว...เจอกันอีกแล้วนะ
9. ถือเบียร์กระป๋องให้หน่อยสิคุณตำรวจ เดี๋ยวผมจะได้หยิบใบขับขี่ได้สะดวก
10. คุณต้องเหยียบมากกว่า 200 กม./ชม. ล่ะสิเนี่ยถึงไล่ทัน เยี่ยมจริงๆ ไม่กลัวเหรอ
11. คุณคงไม่ขอดูท้ายรถด้วยหรอกใช่มั้ย?
12. ผมพยายามไล่ให้ทันคันหน้าน่ะ แหม ลิบๆ โน่น
13. เงินผมนะ ที่คุณรับอยู่ทุกเดือนน่ะ
14. ทานโทษ คุณไม่ได้รูดซิป
15. ที่นี่ที่ไหนเหรอ แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง สงสัยจะละเมออีกแล้ว
16. I can't speak Thai.
17. ผมจะรีบไปหาภรรยา
18. เท่าไหร่ดีครับ?
19. ทำอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ดีไหม
20. ลูกผมไม่สบาย
21. เออ...รู้แล้ว
22. อีกแล้วเหรอ วันนี้ครั้งที่ 3 แล้วนะ
23. ใบสั่งเหรอ เพิ่งโดนมาเอง
24. ขอโทษครับ ที่นั่งเต็มแล้ว ไปโบกคันอื่นเถอะ
25. ยิงข้าดิ แกย้ายแน่!

Thursday, May 17, 2007

วันนี้เป็นวันรัฐธรรมนูญของประเทศนอร์เวย์
constitution แปลว่า รัฐธรรมนูญ
.
Norwegian Constitution Day
.
The Norwegian Constitution Day is the National Day of Norway and is an official national holiday each year. Among Norwegians, the day is referred to simply as syttende mai (meaning May Seventeenth), Nasjonaldagen (National Day) or Grunnlovsdagen (Constitution Day), although the latter is less frequent.
.
Historical background

Children's parade in front of the Royal Palace, Oslo

The Constitution of Norway was signed at Eidsvoll on May 17 in the year 1814. The constitution declared Norway to be an independent nation.
The celebration of this day begun spontaneously among students and others from early on, and for some years the king was reluctant to allow the celebrations. For a couple of years in the 1820s, king Carl Johan actually forbade it, as he thought the celebrations a kind of protest and disregard - even revolt. The king's attitude changed slightly after the Battle of the Square in 1829, an incident which resulted in such a commotion that the King had to allow it. It was, however, not until 1833, that anyone ventured to hold a public address on behalf of the day. That year, official celebration was initiated by the monument of the late politician Christian Krogh, known to have stopped the King from gaining too much personal power. The address was held by Henrik Wergeland, thoroughly witnessed and accounted for by a Swedish spy, sent by the King himself.
After 1864, the day became more established, and the first children's promenade was launched in Christiania, in a parade consisting only of boys. The girls had their own promenade by a different route. This initiative was taken by Bjørnstjerne Bjørnson, although Wergeland made the first known children's promenade at Eidsvoll around 1820.
By historical coincidence, the Second World War ended in Norway just nine days before that year's Constitution Day, on May 8, 1945, when the occupying German forces surrendered. Even if The Liberation Day is an official flag day in Norway, the day is not an official holiday and is not broadly celebrated. Instead a new and broader meaning has been added to the celebration of Norwegian independence on May 17.
The day focused originally on the Norwegian constitution, but after 1905, the focus has been directed also towards the royal family.

Wednesday, May 16, 2007

เชร็ค ภาค 3 จะมาแล้วเน้อ
สนุกมาก เคยดูมั้ย?
ไม่รู้ที่ไทยฉายเมื่อไหร่ (อยากดู! อยากดู!)
วันนี้เลยเอาพล็อตเรื่องมาให้อ่าน
.
.

.
.
Plot: When Shrek married Fiona, the last thing he had in mind was becoming the next King. But when Shrek's father-in-law (พ่อตา), King Harold, suddenly croaks (ร้องเสียงแหบแห้ง, ร้องเสียงอย่างกบ,ตาย คือว่า กษัตริย์แฮร์โรลเป็นเจ้าชายกบ), that is exactly what he faces (เผชิญหน้า). Unless Shrek (with the help of his trusted (ที่ไว้ใจได้ ขยายคำว่า companions) companions (เพื่อน, สหาย) Donkey (เป็นลาที่พูดเก่งมากกกกกกก) and Puss In Boots (แมวในเทพนิยาย ใส่รองเท้าบู๊ตด้วย)) can find a suitable (เหมาะสม) King for Far Far Away (ชื่ออาณาจักร แปลว่า ไกลมาก,ไกลโพ้น), the ogre (ยักษ์กินคนในเทพนิยาย) could be stuck with the job. (หมายถึง ติดงาน, มีภารกิจ ทำนองนั้น) The most promising candidate, Fiona's cousin Artie, an underachieving Medieval high school slacker, proves to be more of a challenge than they bargained for. (ประโยคหลังๆ เป็นตัวละครมาใหม่ ไม่รู้จักอ่ะ ไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย แหะ แหะ โทษที ^*^)

Tuesday, May 15, 2007

เพลงนี้ชอบมั่กๆ
.
.
เพลง : The Sweet Escape
ร้อง : Gwen Stafani
..
Gwen Stefani เริ่มดังเป็นครั้งแรกกับวงดนตรี No Doubt ด้วยเพลง Just A Girl, Don’t Speak กับ Hella Good และเมื่อ 3 ปีที่แล้วเธอออกอัลปั้มเดี่ยวชื่อ Love Angel Music Baby ซึ่งมีเพลงฮิดเช่น Hollaback Girl กับ Cool ล่าสุดเธอมีอัลปั้มชื่อ Sweet Escape และนี่คือเพลงจากอัลบั้มนั้น
escape แปลว่า หนี และ sweet escape หมายถึง การหนีที่สนุกมาก ในเพลงนี้ Gwen มีปัญหากับแฟน ทะเลาะกันเรื่อย แต่เธอยอมรับว่าเธอคือฝ่ายผิด เธออยากปรับนิสัยของตัวเองให้เป็นผู้หญิงที่นิสัยดีกว่านี้
.
*If I could escape
ถ้าฉันหนีไปได้
.
I would, but first of all let me say
ฉันจะหนี แต่ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า
.
I must apologize for acting stinking, treating you this way
ฉันต้องขอโทษที่ทำกับเธอแย่ๆแบบนี้
.
Cause I've been acting like sour milk all on the floor
เพราะฉันทำตัวเหมือนนมเปรี้ยวบนพื้นมาโดยตลอด
.
It's your fault you didn't shut the refrigerator
เป็นความผิดของเธอที่ไม่ได้ปิดตู้เย็น
.
Maybe that's the reason I've been acting so cold
บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ฉันทำตัวเย็นชามาตลอดเวลา
.
If I could escape
ถ้าฉันหนีไปได้
.
And re-create a place as my own world
และสร้างดินแดนใหม่เป็นโลกของฉันเอง
.
And I could be your favorite girl
และฉันเป็นผู้หญิงคนโปรดของเธอได้
.
Forever, perfectly together
ตลอดไป อยู่ด้วยกันอย่างเหมาะเจาะ
.
And tell me boy, now wouldn't that be sweet?
และบอกฉันมาสิว่านั่นไม่ซึ้งหรือ?
.
If I could be sweet
ถ้าฉันเป็นคนซึ้ง
.
I know I've been a real bad girl
ฉันรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงแย่จริงๆมาตลอด
.
I didn't mean for you to get hurt
ฉันไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องเจ็บ
.
'soever, We can make it better
ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ปรับปรุงให้ดีขึ้นได้
.
And tell me boy, now wouldn't that be sweet?
และบอกฉันมาสิว่านั่นไม่ซึ้งหรือ?
.
Sweet escape
หนีไปยังโลกอันหวานชื่น
.
(I wanna get away, to our sweet escape)
ฉันอยากหนีไป ไปยังโลกอันแสนหวานของเรา
.
You held me down
เธอเหนี่ยวฉันลง
.
I'm at my lowest boiling point
ฉันอยู่ที่จุดเดือดต่ำที่สุด
.
Come help me out
ช่วยฉันออกไปที
.
I need to get me out of this joint
ฉันต้องออกไปจากที่ตรงนี้
.
Come on, let's bounce
มานี่ มาดิ้นกัน
.
Counting on you to turn me around
ฉันไว้ใจเธอว่าจะเต้นหมุนฉัน
.
Instead of clowning around let's look for some common ground
แทนที่จะเล่นเป็นตัวตลก มาหาอะไรพื้นๆทำดีกว่า
.
So baby, times get a little crazy
ที่รัก เวลามันเพี้ยนไปนิด
.
I've been getting a little lazy
ฉันขี้เกียจนิดๆมาตลอด
.
Waiting for you to come save me
รอเธอมาช่วยฉัน
.
I can see that you're angry
ฉันเข้าใจแล้วว่าเธอโกรธ
.
By the way you treat me
ว่าแต่ เธอที่ปฏิบัติกับฉัน
.
Hopefully you don't leave me
หวังว่าจะไม่ทิ้งฉันไป
.
Want to take you with me
อยากได้เธอมาอยู่กับฉัน
.
[Repeat*]

Monday, May 14, 2007

เมื่อกี้ดูข่าว รถไฟใหม่ของฝรั่งเศส
บอกว่าที่ฝรั่งเศสเค้าเอารถไฟ v 150 ขึ้นเรือแล้วก็ล่องไปตามแม่น้ำ Seine
เพื่ออวดโฉมให้ประชาชนได้ชื่นชม (อะไรจะขนาดนั้น!)
v 150 นี้ เป็นรถไฟที่มีความเร็วที่สุดในโลก คือ 574.8 กม./ชั่วโมง
หน้าตาของ v 150 ก็เป็นเช่นข้างล่างนี้แล
.
อ่านข่าวกันซะหน่อยเนอะ!!
.
V 150 รถไฟความเร็วสูงที่สุดในโลก!!!
.
เมืองแชมเปญเปิดตัวรถไฟความเร็วสูงที่สุดในโลก V 150 บันทึกสถิติโลกใหม่ล่าสุด ด้วยความเร็วถึง 574.8 กม. / ชม.
.
รถไฟขบวนพิเศษ V150 รถไฟสมรรถนะสูงกว่ารถไฟทั่วไป จะวิ่งเส้นทางจากปารีส-สตาร์สบูร์ก ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ และได้มีการเตรียมการเพื่อวิ่งทำลายสถิติมากว่าสัปดาห์ เพื่อที่จะพาบรรดาสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติโดยสารอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ด้วย
.
จากความเร็ว 380 กม. / ชม. เห็นได้ชัดว่ารถไฟขบวนนี้จะเร่งความเร็วมากขึ้น ๆ จนถึง 490 กม./ชม. กระทั่งผู้โดยสารเริ่มรู้สึกหน้ามืดเล็กน้อยเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 540 กม./ชม. จนยากที่จะยืนให้มั่นบนรถไฟขบวนนี้ กระทั่งความเร็วอยู่ที่ 570 กม./ชม.แล้ว "เอริค พีซแซ็ค" คนขับรถไฟที่ถูกกล้องจับอยู่ก็ยิ้มกว้าง "หายห่วงครับ ไม่มีนก อากาศดี ไม่เกิดปัญหาอะไรระหว่างที่เราทดสอบเลย"
.
แท้ที่จริงแล้วรถไฟที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลกที่บันทึกไว้คือ รถไฟ "แมกเลฟ" ของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความเร็ว 581 กม./ชม. อย่างไรก็ตาม แมกเลฟไม่ได้วิ่งบนรางทั่วไป แต่จะวิ่งบนรางแม่เหล็กเท่านั้น ขณะที่สถิติความเร็วของรถไฟที่วิ่งบนรางครั้งก่อนหน้า มีความเร็ว 515.3 กม. / ชม. บันทึกไว้ที่ประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ในปี 1990
.
อัลสตอมวิศวกรรม กลุ่ม SNCF ทางการรถไฟ และฝ่ายปฏิบัติการรางรถไฟ RFF ได้ผนึกกำลังกันแสดงศักยภาพของการวิศวกรรมแห่งฝรั่งเศสที่จะช่วยส่งเสริมการส่งออกรถไฟของฝรั่งเศสในภายภาคหน้า
.
Le TGV, détenteur [ผู้ถือสิทธิ์ หมายถึงผู้ที่เป็นเจ้าของสถิติ (ประมาณนี้แหละมั้ง แหะ แหะ!)] du record (สถิติ) du monde de vitesse (ความเร็ว) sur rail (รางรถไฟ) ที่ต้องบอกว่า"บนรางรถไฟ" เพราะว่ามีรถไฟของญี่ปุ่นที่เร็วกว่านี้อีก แต่ว่าวิ่งบนรางแม่เหล็ก
.
Le TGV bat le record du monde de vitesse sur rail, dont il était le détenteur (515,3 km/h en 1990). Vers 13 h 13, la rame v 150 a atteint la vitesse inédite de 574,8 km/h, au lieu dit Le Chemin, près de Passavant-en-Argonne (Marne). Si l'objectif annoncé était de 540 km/h, le constructeur Alstom souhaitait officieusement battre le record de 581,2 km/h détenu par le Mag Lev, train japonais expérimental à sustentation magnétique qui reste, à l'heure actuelle, le train à grande vitesse le plus rapide au monde. Sur la future ligne à grande vitesse est-européenne (ouverture commercial le 10-6 prochain), le TGV roulera en moyenne à 320 km/h, mettant ainsi Strasbourg à 2h 20 de Paris contre 3h 50 actuellement. Zoom sur le TGV, fleuron de la technologie ferroviaire française.

Sunday, May 13, 2007

มะกันอัดไทย ตอนที่ 3
.
"คำว่า radical มีหลายความหมาย รากศัพท์ของมันหมายถึง รากโคน ดังนั้นเวลาใช้ในบริบทการเมืองมักจะหมายถึง รุนแรงแบบถึงรากถึงโคน
.
ถ้าเป็นวิเศษณ์ก็เช่น radical belief = ความเชื่อรุนแรงแบบถึงรากถึงโคน radical change = การเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากถึงโคน
.
หรือถ้าเป็นนามก็เช่น A few radicals can shout loudly enough to drown out the moderate majority. = พวกหัวรุนแรงไม่กี่คนสามารถตะโกนเสียงดังพอที่จะกลบเสียงของพวกสายกลางส่วนใหญ่ได้
.
องค์กร USA for Innovation กล่าวหากลางหน้าหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ว่ารัฐบาลทหารของไทยเป็นรัฐบาลที่ radical เพราะกำลังชักนำประเทศไปในทิศทางเผด็จการแบบพม่า เอาเงินประชาชนเข้ากระเป๋าทหาร เล่นงานธุรกิจต่างชาติ และที่สำคัญคือขโมยทรัพย์สินอเมริกัน
.
ทรัพย์สินที่ว่านั้นคือสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา เขาอ้างว่าสิทธิบัตรยารักษาเอดส์ที่บริษัทอเมริกันทุ่มทุนมหาศาลคิดค้นขึ้นมากลับโดน กระทรวงสาธารณสุขไทยทำ compulsory licensing (คัมพั้ลสรี ไล้สึ่นสิ่ง) หน้าตาเฉย สร้างกำไรให้กับองค์การเภสัชกรรมโดยอ้างประชาชน ไม่ปรึกษาหารือใคร ไม่สนกฎองค์การการค้าโลก (WTO) ทั้ง ๆ ที่ไทยเองก็ไม่ได้เข้าตาจนถึงขนาดนั้น
.
Compulsory licensing หมายถึงการที่รัฐบาลทำยาขึ้นมาโดยไม่จ่ายค่าสิทธิบัตรให้กับเจ้าของสิทธิบัตร เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดงใน WTO ซึ่งในที่สุดก็ตกลงได้ว่ากรณีไหนทำได้บ้าง แต่ Adelman อ้างว่ากรณีของไทยไม่เข้าข่ายและขอให้รัฐบาลสหรัฐ โปรดดำเนินมาตรการลงโทษไทยด้วย
.
ก็คงต้องคอยลุ้นต่อไปครับว่ารัฐบาลไทยจะเดินหมากแก้เกมนี้ยังไง.

Tuesday, May 08, 2007

มะกันอัดไทย ตอนที่ 2
.
ทำไมอีตา เอ๊ย ท่านทูต Ken Adelman ถึงมาอัดรัฐบาลทหารที่รักของเราหนักขนาดนี้ เขาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนประชาธิปไตยในเมืองไทยจริง หรือว่าเป็นมือปืนรับจ้างของอำนาจเก่า
.

และที่สำคัญ (สำหรับแฟน ๆ คอลัมน์นี้) ทำไมเขาถึงพาดหัวโฆษณาใน Wall Street Journal ว่า Slouching Towards Burma ด้วย ดังนั้นก่อนที่เราจะดูเรื่อง USA for Innovation อัดรัฐบาลไทย มาดูศัพท์ slouch กันก่อนแล้วกัน
.

Slouch (สเล่าช) ถ้าเป็นกริยาหมายถึงยืน นั่งหรือเดินด้วยอาการหลังค่อมโกง ไหล่ห่อ ซึ่งอาจสบายแต่ก็อาจทำให้โดนพ่อแม่ดุได้ว่าเดี๋ยวก็หลังโกงหรอก
.

ถ้าเป็นนาม slouch ก็เป็นสแลงแปลว่า คนเฟอะฟะ เก้งก้าง ขี้เกียจ ส่วนมากจะใช้ในสำนวนโครงสร้างปฏิเสธ to be no slouch at (some thing) แปลว่า ไม่ใช่ย่อยใน (ด้านใดด้านหนึ่ง) เช่น He’s no slouch at cards. = เขาเล่นไพ่เก่งไม่เบา
.

Slouching Towards Burma เป็นการยืมภาษาจากบทกวี The Second Coming ของ W.B. Yeats ซึ่งสิ้นสุดด้วยประโยคว่า And what rough beast, its hour come round at last, / Slouches towards Bethlehem to be born?
.
slouching towards Burma จึงอาจตีความได้ว่าหมายความว่า “ค่อย ๆ เดินแบบค่อม ๆ ไปทางพม่า” ซึ่งพอดูควบคู่กับพาดหัวย่อยที่ว่า Thailand’s Radical New Regime ก็เห็นชัดว่าองค์กร USA for Innovation นี้มองว่ารัฐบาลทหารที่น่ารักของเรามีท่าทีสุดขั้วตกขอบใกล้รัฐบาลทหารพม่าเข้าไปทุกที.

.
พรุ่งนี้มาต่อเน้อ! มะกันอัดไทย ตอนที่ 3

Monday, May 07, 2007

วันนี้หม่อมฉันขอเสนอ.......
มะกันอัดไทย ตอนที่ 1
คอลัมน์ฟอไฟฟุดฟิด จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
(เคยอ่านมั้ย?)

"เมื่อเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ลงโฆษณาพาดหัวหราว่า Slouching Towards Burma ดูเผิน ๆ เหมือนว่าจะเกี่ยวกับพม่า แต่ที่ไหนได้ มีพาดหัวย่อยตามมาว่า Thailand's Radical New Regime

ตอนแรกยังนึกว่าคลื่นใต้น้ำโกอินเตอร์ไปแล้วหรือนี่ แต่พอดูอีกทีก็เห็นว่าโฆษณานี้สปอนเซอร์โดยองค์กรชื่อ USA for Innovation

ไปดูเว็บไซต์ขององค์กรนี้ก็ทราบว่าเป็น lobby group = กลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ ซึ่งมีอยู่ดาษดื่นในอเมริกา และเป็นเหตุผลหนึ่งที่คนอเมริกันไม่ค่อยออกมาเดินขบวนเรียกร้องโน่นนี่ เพราะสามารถทำผ่านกลุ่มเหล่านี้ได้

ผลประโยชน์ที่ USA for Innovation คอยจ้องพิทักษ์คือผลประโยชน์ของบริษัทอเมริกันที่เป็นเจ้าของสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา

กลุ่มล็อบบี้จะมีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้บริหาร ดังนั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลอเมริกันพอพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ก็มักจะกลายไปเป็น influence peddler = ผู้เร่ขายอิทธิพล (เป็นสำนวนที่เรียกนักล็อบบี้ด้วยความไม่ค่อยเสน่หานัก)

ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการอัดรัฐบาลไทยครั้งนี้ก็คือ Kenneth Adelman อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลบุช neocon (neoconservative = นักอนุรักษนิยม) ตัวยง และเจ้าของคำพูดอมตะว่าการบุกอิรักจะเป็น cakewalk (ฝรั่งมักเปรียบเทียบอะไรที่ง่ายกับเค้ก เช่น piece of cake หรือ cakewalk ซึ่งเดิมทีเป็นจังหวะเต้นรำของทาสผิวดำซึ่งมีการแข่งขันและให้รางวัลเป็นขนมเค้ก)

Adelman ได้กลายเป็นหนูสละเรือที่กำลังจม อัดรัฐบาลบุชเรื่องสงครามอิรัก แต่ทำไมต้องมาอัดรัฐบาล ไทยด้วย."

แล้วทำไมล่ะ? เลยยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยเนอะ! งั้นตามกันต่อในมะกันอัดไทย ตอนที่ 2

To be continued

Thursday, May 03, 2007

Catherine Destivelle
ชื่อนี้คุ้นๆ กันบ้างมั้ย?
อยู่ในหนังสือเรียนฝรั่งเศส
โฉมหน้าที่แท้จริงของเธอคือแบบนี้นี่เอง!
.
Née en 1960, l'alpiniste Catherine Destivelle est aujourd'hui connue d'un très large public.
Parisienne mais familière de la montagne depuis son plus jeune âge, elle réalisait dès l'adolescence les escalades les plus difficiles des Alpes.
Dans les années 80, elle domine les compétitions d'escalade en étant plusieurs fois championne du monde.

.
Revenant à la montagne dans les années 90 par goût de l'aventure, elle réalise alors une série d'exploits en solitaire : Pilier Bonatti aux Drus en 4 heures, ouverture d'une voie aux Drus en 11 jours, hivernales solitaires à l'Eiger, aux Grandes Jorasses, au Cervin.
Chaque ascension est longuement mûrie et préparée, leur succession est un itinéraire exemplaire.

.
Soucieuse de l'excellence "de la tête aux pieds", elle développe avec les entreprises des partenariats durables.
Les images de ses exploits lui permettent de raconter ses ascensions et de communiquer son expérience lors de conférences publiques et de présentations en entreprise.